คำตอบมีหลายสาเหตุ
ต้องดูว่าน้ำที่ไหลจากก๊อกในพื้นที่นั้นๆ ไหลเป็นปกติหรือไม่ ถ้าเป็นปกติก็อาจมีสาเหตุได้จาก
(1) ในเครื่องกรองนั้นอาจมีไส้กรองที่ความละเอียดในการกรองมาก จึงทำให้น้ำไหลผ่านได้ช้า
(เป็นเรื่องปกติของไส้กรองที่มีความละเอียดสูง เช่น RO/NANO/UF และ CERAMIC)
(2) ไส้กรองมีคุณภาพที่ไม่ดี

เมื่อใช้งานไส้กรองน้ำไปสักระยะ ผนังไส้กรองก็จะเกิดการอุดตัน อันเป็นเรื่องปกติธรรมดา สาเหตุมีหลายอย่างอาทิ
• จำนวนคน หรือการใช้งานมาก-น้อย
• สภาพน้ำที่เข้าบางครั้ง ถ้าเป็นช่วงที่ประปามีการลอกท่อแล้วเรายังเปิดใช้เครื่องกรอง ก็จะทำให้ไส้กรองมีดินโคลนเข้าไปอุดตันได้
• หรือที่น้ำไหลช้าอาจเกิดจากการหักพับของสายน้ำ
• แรงดันน้ำประปา บางทีอาจต้องติดตั้งปั๊มน้ำก็เป็นได้

ในแต่ละพื้นที่โดยเฉพาะต่างจังหวัด สภาพน้ำมีความต่างกันบางทีอาจมีความขุ่นของน้ำมากกว่าที่อื่นๆ
หรือแม้แต่เป็นน้ำประปาก็ตาม ก็แตกต่างกันตามท้องที่ เมื่อสภาพน้ำมีความขุ่นจึงทำให้ไส้กรองเกิดการอุดตันเร็วกว่า

โดยปกติบริษัทจะมีระบบ/สติ๊กเกอร์แปะให้ลูกค้าทราบเมื่อถึงกำหนดเวลา ซึ่งจะเปลี่ยนตามอายุของไส้กรองเป็นหลัก แต่ในการใช้งานนั้นสามารถเปลี่ยนก่อน
ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากความผิดปกติเหล่านี้ เช่น น้ำที่กรองออกมามีกลิ่นผิดปกติ กลิ่นคล้ายสารเคมีบ้าง หรืออัตราการไหลของน้ำช้าลงก็น่าจะถึงเวลาเปลี่ยนไส้กรองได้แล้ว

ระยะเวลาในการเปลี่ยนไส้กรองที่แนะนำนั้น มีการทดสอบแล้วว่าเป็นช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมแล้ว การใช้งานไส้กรองที่เกินกำหนดการเปลี่ยนนั้น อาจทำให้เราได้น้ำจากไส้กรองที่เสื่อมประสิทธิภาพ การทำงานได้น้ำที่ไม่สะอาดเท่าที่ควร เพราะในตัวไส้กรองที่มีรูพรุนอาจกลายเป็นแหล่งสะสมพวกแบคทีเรีย/เชื้อโรคจากการหมักหมม แล้วก็ปนมากับน้ำนั้นๆ ได้

น้ำประปาทุกวันนี้ที่ใช้สำหรับทั้งบริโภคและอุปโภค มีคำถามว่าได้มั้ยก็ตอบว่าใช้สำหรับบริโภคคือดื่มได้แต่ถ้ามีโอกาสอยากแนะนำให้ใช้เครื่องกรองช่วยกรองให้น้ำที่ออกมามีสภาพที่ปลอดภัยขึ้นก็จะดีกว่า เพราะท่อประปาที่ฝังอยู่ใต้ดินนั้นในบางช่วงเกิดสึกกร่อน หรือ มีรอยแตกรั่ว ก็ทำให้มีสิ่งแปลกปลอมปนเปื้อนมาได้ตั้งแต่พวกที่เห็นได้เช่น ตะขาบเหล็ก ไส้เดือนตัวเล็กๆ รวมทั้งสารปนเปื้อน โลหะหนัก สารอื่นๆ ที่เป็นอันตราย กับร่างกายอีกมากกว่า 100 ชนิด ยิ่งบางครั้งบางพื้นที่เผชิญปัญหาน้ำประปาเค็มจากภัยแล้งและน้ำทะเลหนุนสูง เราจะเห็นได้ว่าน้ำที่ได้จะมีรสแปลกๆ ไป จึงไม่เหมาะที่จะดื่มกินโดยปราศจากการกรองให้สะอาดก่อนส่วนถ้าจะบริโภคก็จะไม่มีปัญหา ยกเว้นถ้าน้ำประปาบางแห่งที่มาจากแหล่งเทศบาลหรือ แหล่งที่ต้องขุดน้ำบาดาลมาใช้ ถ้านำไปซักผ้า ถ้าเป็นผ้าสีขาวจะเห็นว่าผ้าจะออกสีเหลืองๆ จากการซักได้

• เรามาทำความเข้าใจกันก่อนครับว่า ไม่เกี่ยวกับสแตนเลสแท้หรือไม่แท้นะครับ แต่เพราะสแตนเลส (ไม่ว่าจะเป็นเกรดอะไรก็ตาม) มันก็คือเหล็กนั่นแหละ แต่แค่ไม่ใช่เหล็กธรรมดาทั่วไป เช่นช้อนส้อมที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน แต่ทำไมเราถึงไม่เห็นสแตนเลสบนช้อนส้อมเลย? นั่นก็เพราะว่าทุกครั้งที่เราใช้ช้อนส้อม เรามักจะล้างทำความสะอาดขจัดคราบไขมันที่เกราะอยู่บนผิวของสแตนเลส ทำให้ออกซิเจนในอากาศสามารถทำปฎิกริยากับโครเมี่ยมในผิวสเตนเลส เพื่อสร้างฟิมล์ป้องกันสนิม แต่ถ้าเราไม่ล้าง อ๊อกซิเจนไม่สามารถผ่านชั้นฟิมล์ไขมันได้ จะใช้ระยะเวลาประมาณ 4-6 เดือนก็สามารถเกิดสนิมได้นะครับ
• สแตนเลส 304 /304L ที่นำมาใช้สำหรับตู้น้ำและเครื่องกรองน้ำนิยมใช้ในงานทั่วไป มีคุณสมบัติไม่เป็นสนิม ทนต่อการกัดกร่อนสูง สามารถขึ้นรูปเย็น และสามารถใช้ในงานเชื่อมได้ดี
• ปัญหาที่พบโดยส่วนใหญ่กับการเกิดสนิมในผลิตภัณฑ์สเตนเลส เกรด 304 ปัญหาที่ 1 การใช้น้ำยาล้างห้องน้ำที่มีกรดไฮโดรคลอริค ราดไปที่อุปกรณ์โดยตรง หรือ จากไอระเหยเมื่อมีการราดน้ำยาล้างห้องน้ำทิ้งไว้ หรืออยู่บริเวณพื้นที่ที่มีมลภาวะเป็นพิษ เช่น ควันพิษ ,ละอองของผงปูนหรือ น้ำปูน, พื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรม หรือ พื้นที่ที่มีเกลือ (คลอไรต์)และไอเค็มจากทะเลที่พัดมาติดบนพื้นผิวสแตนเลส

A.1 ถ้าในกรณีที่น้ำไม่เย็นให้ลองไปดูที่ตำแหน่งเปิด-ปิด สวิทช์ของตู้น้ำบางทีก็มีกรณีแม่บ้านที่ดูแลอาจจะเข้าไปปิดสวิทช์เพราะเข้าใจว่าเลิกงานแล้วต้องปิดไฟ​
A.2 ดูปลั๊กที่เสียบสวิทช์ว่าเสียบอยู่มั้ยและหลวมหรือเปล่า

B.1 ในกรณีน้ำไม่ไหลให้ลองดูว่าปั้มน้ำที่จ่ายน้ำเข้าเครื่องเปิดทำงานอยู่หรือไม่​
B.2 น้ำในแทงค์ที่เก็บน้ำมีน้ำอยู่หรือว่าน้ำหมดแทงค์

มีหลายประเภทย่อยๆ แต่ถ้าแบ่งตามหลักก็จะคือแบบกรองน้ำเพื่ออุปโภค และเพื่อการกินดื่มคือบริโภค

เครื่องกรองน้ำมีระบบการทำงานที่แตกต่างกันตามคุณลักษณะของไส้กรอง

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า UV (Ultraviolet) คือหลอดตะเกียงไฟฟ้าที่แผ่รังสีอุลตร้าไวโอเลตซึ่งมีคลื่นความถี่ระหว่าง 200-300 nanometer รังสีนี้จะฆ่าเชื้อโรค (ทำลาย DNA) คือยับยังการเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้หมดแต่ยกเว้นถ้าเชื้อโรคไปซ่อนหรืออยู่ใต้ผงละอองหรือที่เรียกว่าสารแขวงลอยในน้ำนั้น มันก็จะไม่ถูกรังสีทำลายได้

การเลือกใช้ระบบแบบไหนขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของบ้านว่าต้องการได้น้ำสะอาดระดับไหน และขึ้นอยู่กับสภาพน้ำจากแหล่งน้ำของแต่ละพื้นที่ด้วย เช่น น้ำประปาจากในตัวเมืองใหญ่ หรือในเขตเทศบาลและน้ำที่ขุดจากแหล่งน้ำบาดาลจากพื้นที่ๆ มีหินปูนเยอะหรือว่าพื้นที่ๆ อยู่ติดกับทะเล น้ำที่ได้จะแตกต่างกันตามสภาพ

1. ยี่ห้อ ต่างประเทศ ฝั่ง ยุโรป หรือ เอเชีย หรือ ในประเทศ
2. ระบบของตัวกรองก็จะแตกต่างกันตามคุณสมบัติของไส้กรองนั้นๆ เช่นระบบ RO, ระบบ UF, ระบบ NANO, ระบบธรรมดา, ระบบ Softener, ระบบ UV,
หรือเพิ่ม Function ต่างๆ เข้าไปเสริมราคาก็เพิ่มตาม
3. จำนวนไส้กรองมากหรือน้อย

1. ดูจำนวนคนที่อยู่อาศัย
2. ตำแหน่งที่จะวาง เช่น ในครัว หรือ Pantry ที่ต้องการติดตั้งว่าเป็นอย่างไร
3. ดูแหล่งน้ำที่จ่ายมาที่บ้านทิ่อยู่อาศัยว่าน้ำมีสภาพเป็นอย่างไร

1. อยู่ที่การใช้งานของผู้ใช้ รวมทั้งจำนวนผู้ใช้
2. ตำแหน่งที่จะติดตั้งมีเนื้อที่เพียงพอกับขนาดของที่จะวางเครื่องกรองนั้นๆหรือไม่